[Diaryใบไม้เปลี่ยนสีหนาวนี้ที่โซล] Day 5-ก่อนจะบ๊ายบาย ไว้เจอกันใหม่
My Autumn my Seoul 5
Da last official day in Seoul~
เผลอแป๊บเดียววันที่ 5 แล้ว จริงๆ
วันนี้นัดเจอกัน 6 โมงเช้าเพราะชาวแก๊งค์วางแผนกันว่าจะไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่อุทยานแห่งชาติซอรัคซานกันค่ะ
แต่ผลจากการนอนน้อยกว่าปกติหลายวันติดกัน (ปกติเรานอนวันละ 7 ชม อย่างต่ำค่ะ) บวกกับอากาศเปลี่ยน ดื่มน้ำน้อย และสมบุกสมบันเดินเฉลี่ยวันละ 25,000 ก้าวโดยประมาณติดกันมา 3 วัน (นี่คือลองตั้งสมมติฐานเองนะคะ) ร่างกายเราเริ่มประท้วงแล้วค่ะ
เมื่อคืนหลังกลับเข้าที่พักแล้ว เราไข้ขึ้นค่ะ ปวดหัว และเป็นร้อนใน วันนี้เลยจำใจต้องพัก ไม่สามารถลากสังขารไปลุยต่อได้เพราะถ้ากลับมาง่อยกว่าเดิมล่ะก็ เดี๋ยวทำงานต่อไม่ได้ ต้องมีแต่คนสรรเสริญแน่เลย ต้องเอาสุขภาพตัวเองไว้ก่อนค่ะ (ว่าแต่ทำไมเพื่อนๆทั้งแก๊งที่เหลือช้อปนานช้อปทนกว่าเราอีก ไม่เห็นเป็นไรเลยอ่า)
ปล่อยชาวคณะทั้งสามที่เหลือนั่งรถไปดูใบไม้แดงที่ซอรัคซานต่อไป
แอบจิ๊กรูปซอรัคซานจากเพื่อนมา โอ๊ย สวยง่า แต่ไม่เป็นไรนะซอรัคซาน ถ้าเรามีวาสนาต่อกัน เราคงได้เจอกันในซักวันหนึ่งภายภาคหน้า
ว่าแล้วก็ตัดภาพฉับกลับมาที่ K Pop residence Myeongdong 1 เราก็กินยาแล้วหลับพักผ่อน ตื่นมาเที่ยงกว่า ไข้ต่ำลงแล้ว อาการดีขึ้นหน่อย ชาวแก๊งค์ไลน์มาบอกว่ากว่าจะกลับถึงโซลคงราวๆ 5โมงเย็น งั้นระหว่างนี้ทำอะไรดี หาอะไรง่ายๆทานแล้วเดินเล่นเมียงดงต่อแล้วกัน
เป้าหมายแรกคือ Line friends store ที่ห้าง Lotte young ใกล้ๆที่พัก เพราะวันก่อนรู้สึกยังไม่จุใจจาก Line Friend Store & Cafe สาขาใหญ่ เรารู้สึกว่าสาขานั้นขายดีจนของบางอย่างหมด เช่นตุ๊กตา Line Rangers บางตัว หรือ Magnet หน้า Cony ที่เคยเห็นที่ห้าง Doota ก็หาที่สาขานั้นไม่เจอ เลยขอเสี่ยงดวงมาห้างใกล้ที่พักเผื่อจะเจอของที่อยากได้
เดินออกจากที่พัก มุดใต้ดินเลี่ยงความหนาวขึ้นไปอีกฝั่งของถนนก็เข้า Lotte Young Plaza ได้แล้วค่ะ
ทางเข้าจากใต้ดินมีความน่ารักอีกแล้ว
บันไดที่ดูเหมือนเป็นคีย์เปียโน ไม่ได้แค่ดูเหมือนหรือทำไว้สวยๆนะคะ เวลาเราเหยียบแต่ละขั้น ก็จะมีเสียงเปียโนตามคีย์ออกมาด้วย มุ้งมิ้งอีกแล้วอ่า ชอบๆ แอบดีใจเลยที่มุดดินมาขึ้นตรงนี้ เพราะถ้าเดินข้ามถนนมาเฉยๆก็ไม่เจอนะเนี่ย
เข้ามาแล้วขึ้นบันไดเลื่อนมาค่ะ Line friends pop up store ของที่นี่อยู่ชั้น 1 ค่ะ. (1F)
ยังแต่งเป็นตีมฮัลโลวีนอยู่เลย
และแล้วก็สมใจค่ะ เราจ่ายตังค์ไปให้น้องหมีบราวน์ โคนี่ และแซลลี่ที่นี่เพิ่มอีก 60,000 กว่าวอน ได้ของครบละ สบายใจ
แล้วก็ดูเหมือนไข้จะเริ่มกลับมาต่ำๆ ว่าแล้วก็เดินกลับห้องไปพักร่างเรียกความฟิตกลับมาต่อดีกว่า
ระหว่างทางเดินกลับที่พัก เมียงดงวันอาทิตย์บ่ายยังคึกคักเช่นเคย วันนี้เราไม่ได้ซื้อของแถบนี้เพิ่มก่อนนะคะ แต่จะถ่ายรูป street food หลากหลายแบบ ที่สามารถมาหาทานได้ที่เมียงดงวันเสาร์ อาทิตย์ที่เดียวครบ มาให้ดูกันค่ะ
ลูกชิ้น ไส้กรอก ฯลฯ เสียบไม้ต้ม/นึ่ง ราดซอส ส่วนตัวว่ายังเบๆ ไม่ดึงดูดเท่าไหร่ค่ะ
พระเจ้าช่วยกล้วยทอด!!! ไม่ใช้กล้วยทอดแบบกล้วยแขกบ้านเรานะคะ ดูจะเป็นกล้วยคลุกเกล็ดขนมปังทอดราดซอสชอคโกแลตมากกว่า เมนูนี้เราไม่ได้ลองค่ะ
ปูนิ่มทอด อันนี้เราเห็นขายทั่วไป ข้างทางในโซลนะคะ เลยแอบงงว่าเค้าฮิตกินกันเหรอ
เมลอนกับสัปปะรดเสียบไม้ ชิ้นละ 2000 วอน ไม่ได้ลองเหมือนกันค่ะ
ไดฟูกุสตรอเบอรรี่เคลือบชอคโกแลต อันนี้เพื่อนเราลองแล้วบอกว่าอร่อยดีค่ะ
กิมจิโรล!!! เมนูนี้ดูฟิวชั่นน่าสนดีมาก เสียแต่ว่า เราไม่ชอบกินผักนี่สิ แหะๆ
ไก่ปิ้งเสียบไม้แบบบาร์บีคิวราดซอส อันนี้วันก่อนเราลองแล้วแถวอินซาดง อร่อยค่ะ
ท๊อกคัลบี้มีทบอล อันนี้ก็น่าลอง ลูกชิ้นเนื้อบดค่ะ
สายไหมสีแจ่ม คุณลุงคนนี้อยู่ต้นซอย
ต้องมาประชันกับคุณลุงคนนี้ที่ค่อนมาท้ายซอยหน่อยค่ะ สายไหมสีหวานเหมือนกัน แต่เพิ่มความแอดวานซ์ทำเป็นรูปดอกไม้ด้วย
เครปนูเทลล่ากล้วยยยยยย บอกตามตรงว่าอยากกินมว้าก. แต่กลัวกินคนเดียวไม่หมด อยากลากเพื่อนมากินด้วย
Twist Potato เหมือนเลย์เกลียวยาวๆ อันนี้ก็ฮิตนะคะ เห็นขายอยู่ทั่วไปในโซล ขายดีเช่นกันค่ะ แต่อันนี้บ้านเราก็มีเนาะ
อีกหนึ่งของหวานยอดฮิตที่เราเห็นขายทั่วไปในโซลคือ ชูโรสค่ะ (churros) ไม่ได้เป็นขนมเกาหลีแต่ดั้งเดิม มันของสเปนไม่ใช่เหรอ ไม่รู้ทำไมฮิตเหมือนกัน แอบงง อันนี้เราไปกินมาตอนอยู่ N Seoul Tower แล้วค่ะ รสชาติก็คือ ชูโรสอ่ะนะ ไม่มีอะไรพิศดาร
ขนมปังหน้าไข่ดาว อีกหนึ่ง street food ยอดฮิต เมื่อวานเราไปชิมมาแล้วจากฮงอิก เหมือนกัน งงว่าทำไมฮิต โดยรวมรสชาติไม่แย่นะคะ แต่เราว่ามันก้ำกึ่งระหว่างของคาวกับของหวานเกินไปคหสต.
อันนี้ถ่ายมาเพราะอยากชิมเอง เป็นความชอบส่วนตัวของเราค่ะ เฟรนช์ฟรายด์หลากรส 555
นี่เป็นเมนูหลักๆที่ค่อนข้างเจอได้เรื่อยๆในโซลค่ะ ถ้าใครอยากกินอะไร เล็งๆอะไรไว้ อาจไม่ต้องไปเสาะหาให้ลำบาก มาเมียงดงเสาร์อาทิตย์ครั้งเดียว ครบ! ทั้งช้อป ทั้งกิน (แค่กระเพาะจะจุไหวแค่ไหนเท่านั้นล่ะ)
ถ่ายรูปเดินเล่นเป็นพระยาน้อยชมตลาดเสร็จแล้วก็ขอตัวกลับไปพักฟื้นต่อค่ะ รอจนกว่าชาวแก๊งค์จะมารวมตัวกันตอนเย็น พักเยอะๆจะได้หายไวๆ
ว้าบมาตอนเย็นเลยค่ะ ชาวแก๊งค์กลับมาจากซอรัคซานตอน 6 โมงเย็น เพื่อนๆบอกว่าใช้เวลาไปกลับ 6 ชม. แม้เราจะเสียดายนิดๆที่ไม่ได้ไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ซอรัคซาน แต่คิดอีกทีถ้าเดินทางไปกลับ 6 ชมด้วยสภาพที่เป็นไข้แบบเมื่อเช้าแล้วล่ะก็ เรากลับมาง่อยแน่ค่ะ ดีแล้วล่ะที่เลือกพักรักษาตัว555
เย็นนี้เราจะไปกินปลาไหลกันค่ะ ส่งท้ายโซล ตามมากันเล้ยยยยย
ร้านอยู่แถวอินซาดงค่ะ ซอกแซกเล็กน้อย และเช่นเคย สั่งตามใจไม่ได้ ถ้าไปกัน 4 คนที่ร้านบอกว่า ต้องสั่ง big size อย่างน้อย 3 ตัว!!!
(ตอนแรกเค้าบอก 4 ตัวด้วย big size เราขอต่อรองกันได้ minimum 3 ตัวค่ะ)
อร่อยดี มีเมนูรูปแบบการกินให้เลือกทำตามบนโต๊ะ (ไม่ได้ถ่ายรูปมา) เวลาเสิร์ฟเค้าจะเสิร์ฟเป็นปลาไหลล้วนๆ
ให้ทานกับเครื่องเคียงแทนค่ะ เครื่องเคียงก็จะมีผักสองแบบ กระเทียม กิมจิ และอื่นๆอีกตามภาพเลยค่ะ รวมน้ำซุป แต่ข้าวต้องสั่งเพิ่มค่ะ
อร่อยดี เครื่องเคียงของเติมได้ เจ้าของร้านใจดีมีเสนอตัวช่วยถ่ายรูปให้ด้วย ค่าเสียหายมื้อนี้ 4 คน 80000+ วอนค่ะ (ภาพร้านปลาไหลทั้งหมดเป็นกล้องเพื่อนค่ะ เราคงเบลอจากไข้ มาเปิดรูปตัวเองดูไม่ได้ถ่ายร้านนี้มาเลยซักรูปเดียว เป็นงง555)
เสร็จแล้วอย่าเพิ่งคิดว่าว่าจะจบวัน วันสุดท้ายในโซลถึงจะไม่ค่อยสบายแต่ก็ขอเดินต่อหน่อย
ไหนๆมาย่านอินซาดงแล้ว เพื่อนขอแวะซื้อชาเขียว O’Sulloc กลับไปฝากที่บ้าน ส่วนเราระหว่างรอ ขอตามหาขนมอุนจิ ที่เคยเห็นในรีวิวหน่อยค่ะ
เจอแล้วววววว… หลบอยู่ในซอกเล็กน้อย ใกล้ๆห้างนี้ค่ะ
เข้าไปจะเจอแบบเน้
ได้มาแล้วค่ะ ชิ้นละ 1000 วอนเอง ถูกกว่า street food อื่นๆที่มักเริ่มต้นที่ 2000-3000 วอนค่ะ
หน้าตาคล้ายเนอะ
เราดันซื้อขนมอุนจิไส้ชอคโกแลตอีกต่างหาก 555 รสชาติก็ใช้ได้ค่ะ ก็เป็นขนมไส้ชอคโกแลตอ่ะนะ แต่ราคาถูกดีไอเดียดี ให้ไป 9/10 ค่ะ
เสร็จแล้วเดินกลับมาที่พักย่านเมียงดง คืนสุดท้ายในโซลแล้ว ช้อปส่งท้ายอีกนิด 555
เครื่องสำอางก็ช้อปปิ้งไปครบแล้ว วันนี้เดินดูโน่นนี่ แวะ 7/11 ซื้อขนม กินนมหน่อย แล้วสุดท้ายก็มาจบลงตรงร้านเสื้อผ้าค่ะ เมื่อวานเข้า UNIQLO หน้าปากซอยไปแล้ว วันนี้ลองเข้าร้าน local brand บ้างค่ะ เราเลือกเข้าร้าน TOPTEN กันค่ะ
ที่ต้องเอ่ยถึงร้าน TOPTEN เพราะอยากมาแนะนำค่ะ ไม่จำเป็นต้องช่วง sale ก็ได้ ถ้าอยากได้ของถูกแต่มีแบรนด์ ให้เข้าไปในร้าน แล้วดูเลยค่ะว่าชั้นไหนเป็น HAPPY PRICE floor ตอนแรกเรากะเข้าไปดูเล่นๆ แต่เห็นมีHAPPY PRICE floor เหมือนโซนนี้ลดราคาตลอดปีตลอดชาติ ได้ของติดไม้ติดมือมาเลยค่ะ ลดราคา 50-60% ก็มีทั้งๆที่วันที่เราไปไม่ได้อยู่ในช่วง Korea Grand Sale แล้ว อาจได้ของไม่ trendy นักแต่ก็สำหรับ everyday use เราว่าได้อยู่ค่ะ ดีไม่ดีถูกกว่าร้านข้างทางด้วยซ้ำไป
เรากับเพื่อนได้ติดไม้ติดมือพอให้ได้ HAPPY กับเสื้อผ้า ต่างหู HAPPY PRICE แล้ว ก็กลับมาเตรียมตัวจัดกระเป๋ากลับเมืองไทยกันค่ะ เพื่อนก็ลุ้นว่าจะปิดกระเป๋าได้มั้ย ส่วนเราก็มาซื้อน้ำหนักกระเป๋าโหลดเพิ่มกับ Airasia ค่ะ (ก่อนมายังไม่ได้ซื้อ)
รุ่งเช้าวันกลับก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เครื่องเราออก 11.35 น.
แต่แก๊งค์เรานัดกันว่าจะออกจากโรงแรมที่พัก (K-Pop residence Myeongdong 1) ตอน 7 โมงเช้า เพราะต้องนั่งรถไฟใต้ดินราว 1 ชั่วโมงจึงจะถึงสนามบิน และต้องเผื่อเวลาสำหรับเช็คอิน โหลดกระเป๋า แลกคืนเงินในบัตร T-money และจัดการเรื่อง Tax refund ด้วยค่ะ อันนี้สำคัญมาก รวมๆกันแล้ว Tax refund ที่แก๊งค์เราจะได้คืน ประมาณ 100,000+ วอน เอาไว้เป็นค่าโรงแรมครั้งถัดไปได้อีกคืนสองคืน 555 มีคนเตือนไว้ว่าบางครั้งคิว Tax refund จะยาวให้เผื่อเวลาไว้เยอะๆ
ของกรุ๊ปเราขนาดออกตั้งแต่ 7 โมงเช้าแล้ว รวมกระบวนการทั้งหมด เสร็จสรรพแล้ว ก็เหลือเวลากินขนมก่อน boarding ประมาณ 10-15 นาทีเท่านั้นเองค่ะ
(บัตร T-money สามารถแลกเงินในบัตรคืนได้ที่ร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-11 หรือ GS25 ภายในสนามบินได้เลยค่ะ แต่ต้องมีเงินในบัตรไม่เกิน 20,000 วอนนะคะ ถ้าเหลือมากกว่านั้นต้องไปแลกคืนที่สำนักงาน T-money ที่ Seoul Station ในตัวเมืองค่ะ ตอนก่อนกลับเมื่อถึงสนามบิน เราเหลือเงินในบัตร T-money ประมาณ 26,000 วอน ก็เลยใช้วิธีซื้อโน่นนี่ในร้านสะดวกซื้อ จ่าย้วย T-money ไป ให้ยอดเหลือน้อยกว่า 20,000 วอนแล้วค่อยบอกเค้าว่า refund บัตรด้วย ก็จบลงด้วยดีค่ะ ^^)
…
ในที่สุดรีวิวข้ามปีของเราก็จบลงด้วยดี ใบไม้เปลี่ยนสีหนาวนี้ที่โซล เย่ๆ
หวังว่ารีวิวหน้าจะสำเร็จไวกว่านี้นะคะ ขอบคุณสำหรับการรับชมค่ะ
Leave a Reply