My Autumn my Seoul 4

ดิส อีส อะ ช้อปปิ้ง เดย์ย์ย์ย์ เย้เย

วันนี้ตื่นสายได้เล็กน้อย (6โมงครึ่งคือตื่นสายของทริปนี้ OMG!) วันนี้เราจะไปชมบรมมหาราชวังของเกาหลีกันค่ะ พระราชวังเคียงบกนั่นเอง

เดินเหมือนเดิม พักกลางเมียงดงนี่มันดีจริงๆ ระยะเดินถึงถึงสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งเลย

แวะเติมพลังมื้อเช้ากันก่อนค่ะ

ร้าน homestead coffee

Club Sandwich

Club Sandwich

แซนวิชแฮมชีส

Cheest Melt

มอคค่า HomeStead

มอคค่า HomeStead

เรียงจากบนลงล่างนะคะ club sandwich 7/10 (ใส่มัสตาร์ดมาทำไม) sandwich ham cheese (แต่ที่ร้านเรียก cheese melt) 7.5/10 และมอคค่า 7/10 ค่ะ เฉยๆไม่น่าจดจำอะไร แต่ไม่แย่

เดินฝ่าความหนาวกันต่อไปค่ะ

เดินผ่านริมคลองชองเกชอนช่วงกลางวัน ถึงไม่มีประดับอะไรมาก แต่ก็ร่มรื่นดีค่ะ

บางระยะของคลองจะมีกิมมิคให้เล่นด้วยนะคะ อย่างตรงนี้จะเป็นให้โยนเหรียญลงหลุมที่ทำไว้ (อธิษฐานก่อนโยนนะคะ) หลุมแอบรูปร่างเหมือนฐานปล่อยจรวดอะไรซักอย่าง555

โยนเหรียญอธิษฐานก็ยืนให้ตรงจุดนะจ๊ะ

โยนเหรียญอธิษฐานก็ยืนให้ตรงจุดนะจ๊ะ

เค้าเขียนไว้ว่าเหรียญจะนำไปเป็นสาธารณกุศลค่ะ ใครมีแต่แบ๊งค์เค้าก็มีเครื่องแลกเหรียญตั้งไว้ให้ใกล้ๆริมคลองด้วยนะคะ

เดินถัดจากที่โยนเหรียญมาอีกนิด จะเจอรูปปั้นเปลือกหอย สัญลักษณ์ของคลองชองเกชอนค่ะ ตั้งเด่นเป็นสง่าเลย

เปลือกหอยสัญลักษณ์ แห่งคลองชองเกชอน

เปลือกหอยสัญลักษณ์ แห่งคลองชองเกชอน

แชะเสร็จแล้วเดินต่อกันค่ะ

มาถึงแล้ว พระราชวังเคียงบก หรือ เคียงบ๊อกกุง

พระราชวังเคียงบ๊อก

พระราชวังเคียงบ๊อก

ถึงแล้วอย่าเพิ่งรีบเข้าไปค่ะ ให้รอดูพิธีเปลี่ยนเวรยามของพระราชวังนี้ก่อนค่ะ ตารางเวลาแต่ละวันจะมีอยู่หน้าพระราชวังก่อนเดินเข้าไปซื้อตั๋วเลยค่ะ ตอนนั้นเราไปถึงเกือบๆ10โมงเช้า ได้เวลาพอดี

พิธีเปลี่ยนเวรยาม พระราชวังเคียงบ๊อก

พิธีเปลี่ยนเวรยาม พระราชวังเคียงบ๊อก

พิธีเปลี่ยนเวรยามที่นี่จะไม่เหมือนที่ด๊อกซูกุงค่ะ จะอลังการงานสร้างกว่า ใช้เวลา15นาที แต่เสร็จแล้วเดินออกเลย ไม่มีให้มาถ่ายรูปคู่พี่ทหารยามได้เหมือนที่ด๊อกซูกุงนะคะ

พิธีเปลี่ยนเวรยาม พระราชวังเคียงบ๊อก

พิธีเปลี่ยนเวรยาม พระราชวังเคียงบ๊อก

เอิ่ม บนธงเหลืองนี่มันรูปอารายยยย

เข้าไปในพระราชวังกันดีกว่าค่ะ

พระราชวังเคียงบ๊อก

พระราชวังเคียงบ๊อก

เพื่อนบอกว่า ขอเปลี่ยนชื่อหน่อยเพื่อให้จำง่าย พระราชวัง เคียงบ๊อกกุง = พระราชวัง คนเยอะจุง เพราะนักท่องเที่ยวเยอะที่สุดแล้วใน3วังที่ผ่านมาค่ะ

เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆแต่จุดที่พีคที่สุดของเราในอาณาบริเวณของพระราชวังเคียงบกคือตำแหน่งนี้ค่ะ ตำหนักกลางน้ำ สะพานข้ามน้ำสีแดงตัดกับพื้นน้ำสีน้ำเงินเข้ม มีใบไม้เปลี่ยนสีเหลืองแดงโดยรอบ สวยจับใจเลยค่ะ

พระราชวังเคียงบ๊อก ศาลากลางน้ำ ยามใบไม้เปลี่ยนสี

พระราชวังเคียงบ๊อก ศาลากลางน้ำ ยามใบไม้เปลี่ยนสี

อิ่มใจกับวิวสวยๆกันแล้ว ก็เดินออกไปทงด้านหลังของพระราชวัง ตรงทางออกนั้น มองออกไปจะเห็นอาคารหลังคาสีฟ้าๆ

ทางออกมองไป เห็นอะไรน้า

ทางออกมองไป เห็นอะไรน้า

ใช่แล้วค่ะ ที่นี่คือบลูเฮ้าส์ (Blue House) ที่ทำงานของประธานาธิบดีนั่นเอง เดินนิ๊ดดดดเดียวเองค่ะ แต่เข้าชมภายในไม่ได้นะคะ

บลูเฮ้าส์จ้า

บลูเฮ้าส์จ้า

เจอภาพนี้ต่อหน้าแล้วเลี้ยวซ้าย เดินตรงไปอีกไม่ไกล ก็จะพบกับอนุสาวรีย์นกฟีนิกซ์ ที่ต้องการจะสื่อถึงว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เกาหลีจะกลับมาเกิดใหม่ ตั้งตัวใหม่ได้อีกครั้งเสมอ

Phoenix

Phoenix

เยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์กันไปแล้ว ครึ่งบ่ายเราขอมอบเวลาให้กับ กิน แอนด์ ชอปปิ้ง!!!

บ่ายนี้เราไปกันแถบมหาวิทยาลัยฮงอิกค่ะ (Hongik University)

อาหารเที่ยงกันก่อน หมูบุลโกกิจ๋าาาา พี่มาแล้ว

ปิ้งย่างกานเห๊อะะะะะ

ปิ้งย่างกานเห๊อะะะะะ

เพลินไปกับหมูย่างเกาหลี ปิ้งๆย่างๆ เอากรรไกรตัดหมูชิ้นใหญ่ๆ อร่อยฟินค่ะ เอาไป 10/10 เลย สั่งเพิ่มด้วยอีกตะหาก

กิมจิ before

กิมจิ before

After เป็นข้าวผัดกิมจิ

After เป็นข้าวผัดกิมจิ

เมนูถัดไป กิมจิผัด7นาที พอเอาข้าวใส่ลงไปด้วย กลายเป็น ข้าวผัดกิมจิสุดอร่อยยยยย!!!

เมนูนี้ให้ 11/10 ไปเลยค่ะ อร่อยเว่อร์ ขนาดเราเป็นคนไม่ชอบกินกิมจิ ยังชอบเลย หมดภายในเวลาไม่ถึง 7 นาที

เมนูสุดท้าย หมี่เย็นกิมจิ

หมี่เย็นกิมจิ

หมี่เย็นกิมจิ

เย็นจริงๆนะจ๊ะ ใส่น้ำแข็งมาเลย

เมนูนี้ดูเป็น combination แปลกๆ เราเป็นคนชอบกินหมี่เย็น เพื่อนอีกคนชอบกินกิมจิ ต่างชิมแล้วลงมติเป็นเอกฉันท์กันว่า ไม่ผ่าน! เอาไป 4/10 พอ ให้คะแนน fusion เพิ่มนิดนึง555 แต่ใครอยากจะลองก็ไม่ห้ามกันนะคะ ใช่ว่าเมนูนี้จะหากินกันง่ายๆซะเมื่อไหร่

อิ่มแล้วมื้อนี้ฟินมากต้องขอมาถ่ายรูปหน้าร้านไว้เป็นแลนด์มาร์ค

หน้าร้าน ร้านนี้ฟินจิงจัง

หน้าร้าน ร้านนี้ฟินจิงจัง

ถ้ามีโอปป้าคนนี้ยืนยิ้มอยู่ก็ใช่แล้วค่ะ

โอปป้าหน้าร้าน

โอปป้าหน้าร้าน

อิ่มแล้วไปต่อกัน ต่อไปเป็นการเดินไปหาร้าน coffee prince ในตำนาน (เพื่อน request มาค่ะ) เราไม่เคยดูเรื่องนี้เลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้ แต่เพื่อนๆต่างบอกว่าโทรมลงเยอะ เจ้าของร้านเป็นเลเวลคุณลุง ให้ถ่ายรูปได้นะคะ กี่มุมกี่ช็อตก็ได้ แต่ให้เฉพาะคนที่ซื้อกาแฟ คนที่ไม่ซื้อของในร้านรบกวนรอข้างนอกค่ะ. เครครัชลุง รับแซ่บ!

ไปชอปปิ้งกันต่อดีกว่า

Street food ก่อนช้อป

ขนมปังหน้าไข่ดาว

ขนมปังหน้าไข่ดาว

ขนมปังหน้าไข่ดาว มีขายเยอะมาก

ก็เป็นแป้งนุ่มๆ ที่มีไข่ดาวอยู่ข้างบน

ขนมปังหน้าไข่ดาว

ขนมปังหน้าไข่ดาว

ชิมแล้วของงแพร๊บ ทำไมฮิต ให้ 6.5/10 ค่ะ

แถว Hongik นี่ก็ชอปปิ้งสนุกเหมือนกันค่ะ มีทั้งร้านแบบเป็นช้อป และร้านข้าง

ถนนเหมือนแถวสยาม ลิโดสมัยก่อน ราคาก็ย่อมเยาลงมาหน่อย น่าจะเป็นเพราะอยู่ใกล้สถานศึกษา ขายให้เด็กมหาลัย มีทั้งโซนกิน โซนช้อป แต่เราว่าคนที่มาเดินไม่ได้มีแค่เด็กมหาลัยแน่นอนค่ะ เพราะเราไปตอนวันเสาร์บ่าย ถนนงี้แน่นมาก คนเยอะเป็นมด ได้บรรยากาศดีค่ะ ได้ของติดไม้ติดมือมาอีกเหมือนเดิม บางคนก็ได้มานิดหน่อย บางคนก็ได้มาไม่หน่อย (แทบหมดตัวว่างั้นเหอะ!!!)

หลังจากที่เพื่อนบางคนล้มละลายไปแล้ว (รวมทั้งลากเราล้มละลายตามนางไปด้วย เพราะนางยืมเงินสดเราไปจ่ายจนเกือบหมด!) กับ shopping street แห่งนี้ เราก็ถึงเวลาหาไอติมกินให้เย็นใจ เค้าบอกแถวนี้มีไอติมโยเกิร์ตปลาอ้าปาก (ยาวจุง ขอเรียกไอติมปลานะคะ) อยู่ด้วย

เดินหากันเถอะ…

เจอล้าวววว ความพยายาม(ในการกิน)อยู่ที่ไหน ความสำเร็จ(calories โหลด)อยู่ที่นั่น

ไอติมปลาที่ตามหา เจอล้าววว

ไอติมปลาที่ตามหา เจอล้าววว

ไอติมจะมีสองรสค่ะ plain yogurt และรสมะม่วง ส่วนในตัวปลาก็จะมีสองไส้ให้เลือกค่ะ ถั่วแดง หรือคัสตาร์ด

ของเราเลือกเป็น plain yogurt + ถั่วแดงค่ะ อร่อยดี. แปลกดี มีความคิดสร้างสรรค์ เอาไป 8.5/10

หน้าร้านค่ะ

หน้าร้านไอติมปลา

หน้าร้านไอติมปลา

ฟินต่ออีกนิด

ฟินต่ออีกนิด

ตอนไปเป็นช่วงวันฮัลโลวีนพอดีค่ะ

ตอนไปเป็นช่วงวันฮัลโลวีนพอดีค่ะ

ฟินกับการหาไอติมปลาจนเจอแล้ว เราก็จากมหาลัยฮงอิกกลับเมียงดงไปช้อปปิ้งกันต่อดีกว่าค่ะ

กลับมาเมียงดง บ่ายวันเสาร์อาทิตย์ เมียงดงครึกครื้นมากถึงมากที่สุดค่ะ แทบจะไหลไปตามคลื่นคน เรา4คนแยกย้ายไปช้อปปิ้งตามเป้าหมายของตัวเอง

แนะนำว่า ถ้ามียี่ห้อเครื่องสำอางในใจแล้ว ในย่านเมียงดงภายในถนนหลักและแค่ 2 ซอยย่อย มีร้านเครื่องสำอางทุกยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น the face shop, Etude, it’s skin, beyond, skin food, nature republic, missha และอื่นๆอีกมากมาย ทุกยี่ห้อเหล่านี้ มีตั้งอยู่อย่างน้อย 5 ร้านในระยะรัศมี 2 ซอยจากถนนหลักในเมียงดง เพราะฉะนั้น! ถ้าร้านบนถนน main คนแน่น อย่าได้พยายามเข้าไปเบียดเสียดค่ะ เพราะเราจะเลือกของไม่สนุก มีร้านยี่ห้อเดียวกันอีกหลายร้านที่โล่งกว่ารอเราอยู่ เข้าซอยไปแป๊บเดียว สบายกว่าเยอะค่ะ

เหมือนรอบนี้เราเข้า Etude บนถนนเมียงดงเส้นหลักก่อน คนแน่นหายใจแทบไม่ออก จะหยิบเลือกของก็ทำไม่ได้ ออกเลยค่ะ เดินไปซอยหน้าโรงแรม โล่งเดินสบาย ได้ของเหมือนกัน แถมได้ลดราคา 20% อีกต่างหาก (เราไปตอนช่วง Korea grand sale พอดีค่ะ จะหมดเขต 31 ต.ค. ซึ่งก็คือวันนี้พอดี นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบ่ายนี้เราต้องเน้นชอปปิ้ง 555 – เพื่อนร่วมทริปผู้แสนดีจัดการหาคูปองส่วนลด ส่ง email online มาให้ตั้งแต่ยังไม่ออกจากเมืองไทย มีหลายร้านมากเลยค่ะที่เข้าร่วม Korea grand sale ครั้งนี้ แต่ละร้านก็จะมีลดราคา หรือโปรโมชั่นเพื่อเข้าใน Korea grand sale แตกต่างกันออกไป ไม่ต้องปริ๊นท์ออกมาก็ได้ค่ะ แค่เซฟไว้แล้วโชว์จากมือถือให้พนักงานคิดเงินดูก็ใช้ได้แล้วค่ะ รอบนี้ Etude ลดทุก item 20% เมื่อใช้คูปองนี้ ฟินไปเลยค่ะ – คำแนะนำ ถ้ามาช่วง Korea grand sale แล้วกะจะใช้คูปองให้ดูหน้าร้านดีๆนะคะ ว่าเค้าเข้าร่วมโปรแกรมนี้รึเปล่า ใน 5-6 ร้านในโซนเดียวกัน อาจเข้าร่วมไม่กี่ร้าน เดินห่างกันไม่ถึง 300 เมตร อย่าให้พลาดค่ะ)

เดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้กันเพลิน ยังช้อปไม่ครบ แต่ต้องไปทานอาหารเย็นกันแล้วค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทันดู rainbow fountain กันอีก วันนี้เราจะ fail ไม่ได้เป็นอันขาด

(TIPS for shopping – สาวๆขาช้อปไม่ควรพลาด ร้านใดๆก็ตามที่เราเข้าไป ถ้าใช้จ่ายเกิน 30,000 วอน ให้ถามเค้าด้วยว่าทำ Tax free ให้ได้ไหม พูดแค่นี้เลยค่ะ “tax free?” เป็นที่รู้กัน สองคำสั้นๆไม่ต้องมากความ – ส่วนใหญ่จะได้นะคะ เว้นแต่บางร้านที่เค้าให้ส่วนลดเพิ่มเป็นพิเศษแล้ว เค้าอาจไม่ทำ tax free ให้ค่ะ – ได้เอกสารมาแล้ว เก็บรวบรวมไว้ในที่เดียวกันให้ดี แล้วขากลับอย่าลืมเผื่อเวลาเพื่อทำ tax refund ด้วย ไม่ขอเค้าก็ไม่ให้นะเทอ)

ไปๆ ไปทานมื้อเย็นกันเถอะ

ร้านวันนี้อยู่ในเมียงดงเลยค่ะ ในซอยหน้าโรงแรมที่พักของเรา (K-pop residence Myeongdong 1 ช้านรักเทอมากจริงๆ) ร้าน Yoogane ค่ะ เราไปทาน Chicken galbi กัน

ด้วยความที่ร้านอยู่ใกล้ที่พักมาก พอถึงร้านยังต้องรอคิว เพื่อนเลยใช้ให้เราไปเก็บของและเอาเสื้อหนาวเพิ่มที่ห้องก่อน พอถึงห้องไขกุญแจห้องเท่านั้นล่ะ เพื่อนเรียกกลับ เอิ่ม นางบอกได้คิวแล้วแต่ที่ร้านไม่ยอมให้โต๊ะถ้าคนยังมาไม่ครบ ไม่ยอมให้สั่งด้วย ก็รีบเก็บของ คว้าเสื้อหนาว โกยอ้าวกลับไปยังร้านกันค่ะ

เมนูวันนี้ ชิคเก้นกัลบี้ขอบชีสสสสส เป็นยังงัยมาดูกันค่ะ (เจอความเผด็จการอีกครั้ง 4 คนสั่งได้เมนูเดียว กรุณาอย่าเสียงแตก!)

Ingredient มาแล้วค่า

เริ่มต้น ของชิคเก้นกัลบี้

เริ่มต้น ของชิคเก้นกัลบี้

มาแบบนี้ก่อน พร้อมกระทะวงแหวน

เราสั่งมาม่าเกาหลีเพิ่มด้วยค่ะ

มาม่าเกาหลี

มาม่าเกาหลี

และมีชีสอีก 1 โถเล็ก (ลืมถ่ายรูปมา)

เอามาตั้งไว้ แต่เราห้ามไปยุ่งอะไรทั้งนั้นค่ะ ถึงเวลาอันควร(คือเมื่อไหร่นั้น… พนักงานในร้านเค้าจะมีองค์รู้ได้เองค่ะ) เค้าก็จะมาผัดๆคลุกๆให้ ไม่ต้องคลุกเองค่ะ ไม่ต้องพยายามใส่เส้นบะหมี่หรือชีสเองนะคะ อาจโดนดุหรือโดนงอนได้

ถึงเวลาเค้าก็มาผัดให้เอง

เริ่มผัดแว้วๆ

เริ่มผัดแว้วๆ

แล้วพอถึงเวลาอีกครั้ง (G.O.K พนักงานในร้านและพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ ว่ามันคือเมื่อไหร่) เค้าก็จะมาผัดต่อ+ทำขอบชีสให้

และพอฤกษ์งามยามดี เค้าก็จะเอามาม่าที่เราสั่ง extra มาคลุกๆผัดๆให้เองค่ะ

After หลังมีผู้ชายมาผัดอาหารให้กิน 555

After หลังมีผู้ชายมาผัดอาหารให้กิน 555

เกือบลืมใส่มาม่า

เกือบลืมใส่มาม่า

สุดท้ายเสร็จแล้ว เค้าก็จะอนุญาตให้เรากินได้เอง555 แม้จะเหมือนโดนห้ามไม่ให้ทำอะไรเอง แต่ตอนลุ้นว่าเค้าจะมาทำให้เมื่อไหร่และขั้นตอนต่อไปเป็นอะไรบ้าง ก็สนุกและตื่นเต้นดีนะคะ ร้านนี้หัวเหม็นเช่นเคย และอาจจะมากกว่าร้านปิ่งย่างเพราะไม่มีที่ดูดควัน

รสชาติโอเคเลยค่ะ สำหรับชิคเก้นคัลบี้ขอบชีสกระทะนี้ เอาไป 9/10 น่าลองเป็นประสบการณ์ซักครั้งเป็นอย่างยิ่ง

และต้องขอบคุณที่มากัน4คน ถ้ามากันแค่2คนจะกินกันยังงัยหมดเนี่ย!!!

กินเสร็จรีบลากสังขารกันทุกคนไปขึ้นแท็กซี่เพื่อตามล่าหาน้ำพุสายรุ้งแห่งแม่น้ำฮัน วันนี้เราจะไม่พลาด! (ปล ลุงแท็กซี่วันนี้ขับนิ่มน่ารักมากค่ะ ไม่ Fast&Furious เหมือนเมื่อวาน) เรากะจะไปดูรอบ 20.00 น แต่ทำเวลาได้ดีมาก ไปถึงตอนรอบ19.30 กำลังเริ่มพอดี ได้ดูเต็มอิ่มเลยค่ะ

Rainbow fountain นั่นจริงๆแล้วก็คือ การยิงสายน้ำพุ่งออกมาจากสะพานลงสู่แม่น้ำฮัน พร้อมกับมีการเล่นไฟและดนตรีประกอบค่ะ โชว์ประมาณทั้งหมด15นาที รอบนี้เราเตรียมตัวกันมาดีทุกคน ทั้งเสื้อหลายชั้น ผ้าพันคอและถุงมือ อยู่ดูจนจบสบายๆค่ะ

ตอนดู Rainbow fountain หรือน้ำพุสายรุ้ง หรือสะพานสายรุ้งนี้ ขอบอกว่าเป็นสิ่งแรกที่เราเห็นว่า มองด้วยตาเปล่าสวยน้อยกว่ามองผ่านกล้อง (ส่วนใหญ่ที่ผ่านๆมามีแต่จะพูดว่า ของจริงสวยกว่าในรูปตั้งเยอะ) เพราะเวลามองด้วยตาเปล่าแล้วจะเห็นสีไม่ค่อยชัดค่ะ เห็นเป็นม่านน้ำขาวๆมากกว่า แต่กล้องน่าจะดูดสีดีกว่า มองจากกล้องแล้วสวยขึ้นอีก 1 สเต็ป

Rainbow Fountain

Rainbow Fountain

ปล. มองผ่านกล้องเพื่อนนะคะ เพราะกล้องเรา เราขอวินิจฉัยว่า iphone5 ตาบอดสีกลางคืนค่ะ ถ่ายรูปในที่แสงน้อยไม่สวยเอาซะเลย555

ขากลับวันนี้เรียนรู้มากขึ้นแล้วค่ะ ไม่ต้องเดินไกลเป็นกิโลๆแล้ว เรานั่งรถเมล์สาย 740 ไปลงสถานีรถไฟแล้วกลับเมียงดงกันค่ะ

กลับมาถึงเมียงดงสามทุ่ม ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล เมียงดงคืนวันเสาร์อาทิตย์ตอนสามทุ่มนี้ยังครึกครื้นมากถึงมากที่สุด ไม่ต่างกับตอนเย็นเลย เราแวะ UNIQLO ใหญ่หน้าปากซอยกันก่อนเพราะปิด 21.30 น เข้ามาเยี่ยมชมและเล็งไว้ก่อน ที่นี่ราคาอาจไม่ต่างกับบ้านเราชัดเจน แต่มีแบบให้เลือกเยอะกว่าที่เมืองไทยค่ะ

เสร็จแล้วชอปปิ้งเสื้อผ้า ถุงมือ เครื่องสำอางกันต่อเล็กน้อยส่งท้าย grand sale ก่อนเข้านอนค่ะ สิริรวมวันนี้ เราได้ Etude, Skin Food, Missha, Nature Republic ส่วนเพื่อนได้ the Face shop,

It’s skin เพิ่มมาด้วย แถมมี Adidas กะ New balance ด้วย งงแพร๊บ ความสามารถสูงกันจริงๆ ข้าน้อยขอคารวะ